กล้วยเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่น่าสนใจยิ่งในปัจจุบัน
ผลผลิตกล้วยส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศในรูปของผลไม้สดและผลไม้แปรรูป
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปประเภทกล้วยตากหรือกล้วยอบเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้มูลค่าทางเศรษฐกิจสูงโดยประมาณว่าในปี
2539 มีการส่งออกกล้วยตากถึง 62 ตัน มูลค่า 10.3 ล้านบาท (ศูนย์สถิติการพาณิชย์,
2539) การนำเทคโนโลยีอบแห้งรูปแบบต่างๆอาทิการใช้โรงตากพลังแสงอาทิตย์
หรือเตาอบลมร้อนมาใช้ปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยทดแทนการตากแดดธรรมดา
ซึ่งมักจะมีปัญหาด้านสุขาภิบาลอาหารในขั้นตอนการผลิตในระดับพื้นบ้าน
ก็จะสามารถช่วยให้ผลิตภัณฑ์กล้วยตากมีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดได้
กลุ่มสตรีสหกรณ์บ้านท่าเสา อ. บ้านค่าย จ.
ระยอง ได้ผลิตกล้วยอบอนามัย จากกล้วยน้ำหว้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น
กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์มีลักษณะเป็นกล้วยทั้งลูกที่ไม่ผ่านการทับให้แบนเหมือนกล้วยตากในเขตพิษณุโลก
กรรมวิธีการผลิตอยู่ในเกณฑ์พอใช้ แต่ยังคงต้องมีการปรับปรุงสถานที่ให้มีสุขลักษณะที่ดีในการผลิตและการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีความสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจวิเคราะห์กล้วยอบอนามัยในเบื้องต้นพบว่า ผลิตภัณฑ์มีค่าAw
เท่ากับ 0.65 และมีปริมาณจุลินทรีย์อยู่ในระดับต่ำมาก แสดงว่าคุณภาพทางจุลินทรีย์ของกล้วยอบอนามัยอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
แต่โดยธรรมชาติของการเก็บรักษากล้วยอบที่อุณหภูมิห้องจะเกิดการเปลี่ยนสีเป็นน้ำตาลเข้มถึงน้ำตาลดำ
เนื่องจากปฎิกิริยาทางชีวเคมี ทำให้กล้วยอบมีอายุการเก็บค่อนข้างสั้น
ภายใต้สภาวะการเก็บผลิตภัณฑ์ที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูงในถุงฟิล์มที่อากาศซึมผ่านได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่อาจช่วยยืดอายุการเก็บกล้วยอบได้ คือ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมบรรจุผลิตภัณฑ์กล้วยอบเพื่อจัดจำหน่าย
ซึ่งกำลังทำการทดลองที่สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร นอกจากนี้
ยังมีผลพลอยได้จากการทำกล้วยอบอนามัย คือ การทำกล้วยกวนจากกล้วยน้ำหว้าที่สุกหงอมเกินไป
หรือจากกล้วยอบที่มีสีไม่สม่ำเสมอเพราะการควบคุมการอบไม่ดี กล้วยกวนมีเนื้อสัมผัสและรสชาติอร่อย
แต่จำเป็นต้องปรับปรุงขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การทำแผ่นกล้วยกวน ตัดหั่น
และปั้นชิ้น จากการประมวลและวิเคราะห์ข้อมูลของปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในการผลิตผลิตภัณฑ์กล้วยดังกล่าว
จึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาวิจัย พัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต
โดยเฉพาะการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิต และการควบคุมคุณภาพ
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพได้มาตรฐานในตลาดสากล อันจะเป็นการยกระดับให้ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ.


กล้วยอบเนยหรือกล้วยเบรกแตก
เป็นผลิตภัณฑ์กล้วยอีกชนิดหนึ่งที่คนไทยมีความคุ้นเคยต่อคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์
ทั้งในด้านสี และเนื้อสัมผัส มีกรรมวิธีการผลิตที่ง่าย โดยการทอดแผ่นกล้วยน้ำหว้าดิบพร้อมเนย
น้ำตาลและเกลือ ในน้ำมันพืช ซึ่งโดยทั่วไปนิยมใช้น้ำมันมะพร้าวผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์
(น้ำมันบัว) ผลิตภัณฑ์กล้วยอบเนยนี้ กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรหนองบัว อ.
กงไกรลาศ จ. สุโขทัย (นางกิมหล่าน แซ่ด่าน )ทำการผลิตในปริมาณที่ค่อนข้างมากต่อวัน
และส่งผลิตภัณฑ์ไปขายที่จังหวัดทางภาคใต้อาทิตย์ละ 6 ตัน ทุกอาทิตย์
ผู้รับซื้อที่อำเภอหาดใหญ่จะทำการบรรจุใหม่เพื่อส่งไปจำหน่ายที่ประเทศมาเลย์เซีย
จากการประมวลข้อมูลที่ได้พบว่า นอกจากปัญหาสุขลักษณะในกระบวนการผลิตแล้ว
ยังพบปัญหาการแตกหักของผลิตภัณฑ์จากการวางทับซ้อนกันขณะขนส่งด้วย และปัญหาที่สำคัญ
คือการยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ให้นานกว่าเดิมที่มีอายุการเก็บเพียง
3 เดือน ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การเลือกใช้ชนิดน้ำมันที่เหมาะสมสำหรับการทอด
และชนิดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการซึมผ่านเข้าออกของอากาศ
ซึ่งมีผลทำให้ชะลอการเกิดกลิ่นหืนในกล้วยอบเนย และการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัสที่เกิดจากความชื้น
ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการทดลองศึกษาอายุการเก็บด้วยวิธี Q10 และอาจมีการเติมแก๊สไนโตรเจนในบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการแตกหัก
ซึ่งจะทำการศึกษาทดลองต่อไป

|