
ความเป็นมาของ
เรือเหาะ-อาภากร
เรือเหาะ
หรือ Airship เป็นอากาศยานที่ถูกพิสูจน์แล้วว่ามี ประสิทธิภาพและความสามารถในหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการขนส่ง การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การสำรวจ
การเฝ้าสังเกตการณ์ และทางการทหาร ที่ถูกนำไปใช้กันอย่างแพร่หลาย
ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และแม้กระทั่งในญี่ปุ่น ในส่วนของงานโฆษณา
งานเฝ้าสำรวจ การเฝ้าสังเกตการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานทางด้านการทหารจะสามารถประยุกต์
ให้ได้รับผลประโยชน์อย่างสูง จากประสิทธิภาพและความสามารถของเรือเหาะ
มากกว่า 90% ของ เรือเหาะ จะเป็นชนิดที่เรียกว่า men-on-board Airship
ซึ่งมักจะมีขนาดใหญ่ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูง ซึ่งเป็นอุปสรรค
อย่างหนึ่งของ เรือเหาะ ในปัจจุบันด้วยวิทยาการของคนไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
ในปีงบประมาณ 2536 ให้ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศยาน คณะวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำงานวิจัยเรื่อง การออกแบบและสร้างเรือเหาะแก๊สฮีเลียมไร้คน
ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในวงเงินสนับสนุน 1,409,300 (หนึ่งล้านสี่แสนเก้าพันสามร้อยบาทถ้วน)
จนปัจจุบันงานวิจัยดังกล่าวได้เสร็จสมบูรณ์ ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย
สามารถพัฒนาและออกแบบ Airship ควบคุมโดยวิทยุที่มีประสิทธิภาพได้ทัดเทียม
หรือดีกว่า Airship ที่จำเป็นต้องมีนักบิน และมีขนาดใหญ่มากกว่า
25 เมตร ได้เป็นผลสำเร็จ

การสื่อสารจากฟ้า
ในระยะความสูงใด
ๆ ซึ่งจะถูกจำกัดโดยเพียงความสามารถของวิทยุที่ใช้ในการควบคุมเรือเหาะไร้คนยานลำนี้สามารถลอยตัวได้อย่างอิสระ
ในสภาวการณ์ของลมในหลายรูปแบบ และทำการส่งข้อมูลสื่อสารต่างๆ ลงมาบนภาคพื้นดิน
มีความปลอดภัยที่เยี่ยมยอด
เรือเหาะ-อาภากร
ได้พัฒนาขึ้นโดยถือว่ามีอัตราของการร่วงหล่นน้อยมากหรือไม่มีเลย
การระเบิดหรือการเกิดเพลิงไหม้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเป็นแก๊สที่ใช้เป็นฮีเลียมแก๊ส
จึงไม่ติดไฟ และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ ลำตัวของ เรือเหาะ-อาภากรได้พัฒนาขึ้น
โดยพิจารณาถึงการขยายตัวของลำตัว เรือเหาะ เมื่อทำการบินขึ้น ในที่ที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลมากๆ
ดังนั้นลำตัวจึงถูกออกแบบให้เป็นแบบ Double Safety Design เรือเหาะ-อาภากรนี้สามารถบินหรือขับเคลื่อนไปได้ทุกสถานที่
และใช้พื้นที่ในการขึ้นลงน้อยกว่า อากาศยานไร้คน หรือไม่ไร้คนชนิดอื่นในอัตรา
1:10
ภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจ
สำหรับเรือเหาะ-อาภากร
ที่ได้พัฒนาขึ้น มีความยาวของลำตัวในขนาดตั้งแต่ 8 เมตร จนถึง 25
เมตร ซึ้งในทุกแบบมีความสามารถที่จะทำการบินได้ในระยะความสูง ตั้งแต่
50 เมตร จนถึง 100 เมตร หรือมากกว่า

ประหยัดในการใช้งาน
การนำเรือเหาะ-อาภากร
บินขึ้นหรือลงจะพื้นใช้พื้นที่ในรัศมีเพียง 100 เมตร เพลิงที่ใช้ในการทำงานมีเพียง
2 ส่วน คือในส่วนของแก๊สอีเลียมซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งที่ทำให้เรือเหาะแก๊สฮีเลียมไร้คน
รักษารูปร่างรูปทรงของยาน และทำหน้าที่เป็นตัวซึ่งก่อให้เกิดแรงยกในเรือเหาะให้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้
ส่วนของเครื่องยนต์สามารถเลือกใช้เครื่องยนต์ได้ในหลายรูปแบบ แบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดความดังของเสียง
หรือเป็นเครื่องยนต์ใช้น้ำมันธรรมดา สำหรับในภารกิจที่ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องของเสียง
ซึ่งเครื่องยนต์ประเภทหลังนี้จะทำให้ เรือเหาะฯ สามารถทำงานได้ต่อเนื่องมากกว่า
10 ชั่วโมง ปัจจุบันแก๊สฮีเลียมสามารถหาซื้อได้ภายในประเทศหรือการหาซื้อไม่มีความยุ่งยากแต่อย่างไร
และราคาต่อหน่วยมีราคาถูกลงมากในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
เรือเหาะ-อาภากรสามารถนำไปใช้ได้ในหลายภารกิจ
อุปกรณ์ต่างๆ
สามารถนำขึ้นไปกับ เรือเหาะฯ จะทำได้หลายแบบตามแต่ภารกิจต่างๆ ที่ผู้ใช้จะนำไปใช้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการถ่ายรูป
โดยการติดกล้องโทรทัศน์ การติดอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ และการทดลองต่าง
ๆ ในชั้นบรรยากาศอากาศ สามารถใช้เป็นสถานี รับ-ส่งสัญญา หรือเสาอากาศเคลื่อนที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจทางด้านการทหาร
ในภูมิประเทศที่ระบบสื่อสารภาคพื้นดินปกติ มีประสิทธิภาพน้อยลง เนื่องจากภูมิประเทศ
เช่น ในหุบเขา หรือพื้นที่ที่อับต่อสัญญา เรือเหาะ สามารถทำหน้าที่
เป็นเสาอากาศเคลื่อนที่ สามารถทำการบินเข้าไปในพื้นที่ ลอยตัวขึ้นเพื่อให้สูงกว่าภูมิประเทศ
ที่ถูกบดบังสัญญาสามารถเคลื่อนตัว และหาตำแห่งที่เหมาะสมในการส่งหรือรับสัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Specification
(อาภากร)
Engine
Parts
Horse Power 2hpx2ea
2 Stroke Type
Air cooled
Propellers: Two blade fixed pitch
Propellers case included
|
Main
Function
Additive Load 45.7kg
Cruise Speed 18 km/h
Maximum Speed 45 km/h
Range at Normal Cruise 42 Hours
Length 11.19 m
Width 3 m
|
Envelope
Parts
Material: Poly Urethane Coated Polymide
Envelope Surface 48.3 m3
Envelope Color: White
Filling GAS: Helium
|
Gondola
Material: Duralvmin
TRVS construction
Landing Gear: Included
|
Option
Camera System
|
|