
ประเทศไทย
มีผลผลิตข้าวในปี 2544 ต่อไร่ 419 กิโลกรัม จากข้อมูลในปีเดียวกัน
เฉพาะประเทศญี่ปุ่นมีผลผลิตต่อไร่ 1,065 กิโลกรัม จากข้อมูลข้างต้นพบว่า
การผลิตข้าวของประเทศไทยนอกจากจะมีปัญหาจากผลผลิตต่อไร่อยู่ในระดับต่ำแล้ว
การเพิ่มผลผลิตยังทำได้ยาก เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร
ดังนั้นประเทศไทยควรจะทำการปรับปรุงวิธีการผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่มากกว่าประเทศญี่ปุ่นที่มีเนื้อที่เก็บเกี่ยวน้อย
เกษตรกรควรมีรายได้มากขึ้น และใช้ต้นทุนการผลิตที่ลดลง รวมทั้งไม่ทำให้พื้นที่นาข้าวเกิดความเสียหายจากการใช้สารเคมี
จากการที่ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประสบความสำเร็จในการพัฒนายานเหาะไร้คนขับ
ได้ตระหนักถึงปัญหาและเกิดแนวคิดที่จะนำยานเหาะไร้คนขับมาประยุกต์ใช้ในงานด้านการเกษตร
ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแก่เกษตรกร ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรในการให้อาหารทางใบข้าว
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืนต่อไปในอนาคต
วัตถุประสงค์
จากฟ้าสู่ดิน
จุดด้อยของบอลลูนพบว่า
เมื่อปฏิบัติงานจริงไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ไม่สามารถควบคุมระดับความสูงในการให้อาหารทางใบได้
จากลักษณะภูมิประเทศ คณะวิจัยได้พัฒนาและออกแบบเครื่องมือการให้อาหารชีวภาพทางใบ
โดยให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ บูมที่ประกอบติดรถ (Boom on Ground)
อุปกรณ์พัฒนาขึ้น หลังจากที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และบอลลูนได้รับความเสียหายจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้

ผลที่เกิดขึ้นทางด้านการเกษตร
จากการวิจัยชี้ให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของต้นข้าวเป็นระยะดังนี้
ราก ความยาวจากโคนต้นถึงปลายรวงยาว 17 เซนติเมตร

มีลักษณะอวบ ขาว
เป็นปล้อง แผ่กระจายรอบกอ ซึ่งรากแข็งแรงมากทำให้ข้าวไม่ล้ม
ระบบนิเวศน์
การใช้สารชีวภาพแทนการใช้สารเคมีทำให้ระบบนิเวศน์กลับคืนมา เช่น
แมลงปอเข็ม แมลงมุม และนก จะช่วยกำจัดหนอนและแมลงที่เป็นศัตรูพืช

เมล็ดข้าว
เมล็ดข้าวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และเมล็ดข้าวต่อรวงเฉลี่ย 60.31 เมล็ด
การล้มของต้นข้าว ในแปลงนาทดลอง เมื่อต้นข้าวมีอายุ 110 วัน
ต้นข้าวมีรากแข็งแรงเมื่อถูกกระแสลมจึงไม่ล้ม ซึ่งต่างจากแปลงนาข้างเคียงเมื่อถูกกระแสลมต้นจะล้มเพราะระบบรากไม่แข็งแรงและลำต้นเล็ก
ผลผลิต ปริมาณผลผลิตของแปลงที่ 1 (แปลงทดลอง) มากกว่า แปลงที่
2 (แปลงทั่วไป) อยู่ 34.43%และมากกว่าค่าเฉลี่ยของแปลงเคมีอยู่ 33.36%

จากข้อมูลดังกล่าวเห็นว่าแปลงที่
1 ได้ปริมาณผลผลิตมากที่สุด ต้นทุนน้อยที่สุด และ Productivity มากที่สุด
และค่าเฉลี่ยของแปลงเคมี (แปลงที่ 3-6) ได้ปริมาณผลผลิตน้อยที่สุดและผลิตผล
(Productivity) น้อยที่สุด ซึ่งสามารถสรุปโดยภาพรวมได้ว่า การปลูกด้วยสารชีวภาพให้ผลผลิตสูงกว่าการปลูกด้วยวิธีเกษตรเคมีแบบเดิม
และหากใช้เครื่องมือช่วยการพ่นสารชีวภาพด้วยแล้ว ก็จะสามารถทำ
ให้เกิดผลผลิตที่สูงมากขึ้นอีกในขณะที่ต้นทุนลดลงด้วย

