การพัฒนาชุดตรวจสอบ ELISA KIT เพื่อการคัดเลือก (screening test) วัตถุดิบในอาหารสัตว์และถั่ว
Developing ELISA KIT for Screening Feed Raw Material and Peanut
 
สุวรรณา กลัดพันธุ์1 วราภา มหากาญจนกุล2 อัจฉราพรรณ ใจเจริญ1 กฤตยา เพชรผึ้ง1 และ ธนภักษ์ อินยอด1
1ฝ่ายเครื่องมือวิทยาศาสตร์  สถาบันวิจัยและพัฒนา
2ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร  คณะอุตสาหกรรมเกษตร
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

โทร. 0-2942-8740

    ประเทศไทยอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น มีสภาวะเหมาะสมให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อราที่สามารถผลิตสารพิษได้ โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบนำมาประกอบเป็นอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ปลาป่น เป็นต้น มักมีอะฟลาทอกซินปนเปื้อนมาด้วยเสมอ (ศรีสิทธิ์, 2525; วิรัช และคณะ, 2525) เมื่อสัตว์ได้รับสารพิษดังกล่าวจากเชื้อราผ่านมาทางอาหารและเข้าสู่ร่างกาย สารพิษจะทำอันตรายโดยบั่นทอนสุขภาพและผลผลิต และถ้าได้รับในปริมาณสูงมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นการตรวจวิเคราะห์อะฟลาทอกซิน จึงสามารถลดอัตราการสูญเสียเศรษฐกิจ และเพิ่มคุณภาพผลผลิตได้ การวิเคราะห์หาอะฟลาทอกซินในอาหารและวัตถุดิบอาหารสัตว์ ได้แก่ วิธีทางเคมี เช่น Thin Layer Chromatography (TLC), High Performance Liquid Chromatography (HPLC) และ วิธีทางอิมมูโน เช่น Enzyme-Linked Immunosorbent Assay (ELISA)
    วิธี Enzyme-Linked Immunosorbent Assay (ELISA) ซึ่งเป็นวิธี screening test เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในการตรวจสอบอะฟลาทอกซิน และเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานการวิเคราะห์ของ AOAC ผู้ผลิตอาหารสัตว์นิยมใช้ชุดตรวจสอบอะฟลาทอกซินในวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งวิธีนี้ใช้ง่ายแต่มีราคาแพง หากลดการนำเข้าชุดทดสอบเหล่านี้และใช้ชุดทดสอบที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในประเทศแทนจะช่วยลดดุลการค้าของไทยได้มากขึ้น วิธีนี้ยังพัฒนาเพื่อใช้ทดสอบอาหาร เช่น ถั่วลิสง พริก และ ข้าวกล้อง

วิธีการสกัดอะฟลาทอกซิน
    นำตัวอย่างจำนวน 20 กรัม เติมสารละลายเมธานอล 70 % ปริมาตร 100 มิลลิลิตร เขย่าด้วยเครื่องเขย่า ความเร็วรอบ 300 รอบต่อนาที เป็นเวลา 30 นาที กรองด้วยกระดาษกรองเบอร์ 4 เก็บส่วนใสและเจือจางด้วยสารละลายบัฟเฟอร์ชนิด PBS-T อัตราส่วน 1: 10 หลังจากนั้นนำไปวิเคราะห์หาอะฟลาทอกซินด้วยวิธี KU-AF01

การวิเคราะห์อะฟลาทอกซิน
    KU-AF01 เป็นวิธีวิเคราะห์อะฟลาทอกซินแบบว่องไวภายใน 25 นาที ที่อุณหภูมิห้อง โดยใช้โพลีโคล-นอลแอนติบอดีที่ผลิตขึ้นภายในห้องปฏิบัติการตามวิธีการของ Chu และ Ueno (1977) และ ประวัติและคณะ(2534) โดยวิธี KU-AF01 ใช้แอนติเจนเคลือบ solid phase เติมแอนติบอดีที่ติดฉลากด้วย Horseradish peroxidase ลงไปในปริมาณจำกัดคงที่และเติมแอนติเจนหรือสิ่งส่งตรวจลงไปพร้อมกัน ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างแอนติเจนที่เคลือบกับแอนติเจนที่เติมลงไป แอนติบอดีจะจับกับแอนติเจนบน solid phase ล้างส่วนที่ไม่ได้ทำปฏิกิริยาออก เมื่อเติมซับสเตรทลงไป การเปลี่ยนแปลงของสีจะเป็นสัดส่วนกลับกับปริมาณของแอนติเจนในสิ่งส่งตรวจหรือแอนติเจนมาตรฐานที่ได้เติมลงไป วัดค่าการดูดกลืนคลื่นแสงที่ 450 นาโนเมตร

การทดสอบความใช้ได้ของวิธี KU-AF01
    นำตัวอย่างถั่วลิสงวิเคราะห์ความใช้ได้ของวิธีที่อุณหภูมิห้องปฏิบัติการ (25±2 oC) ได้ค่า r2 = 0.93, 20 กรัม% recovery เท่ากับ 70 จากขั้นตอนการ spike ปริมาณอะฟลาทอกซินเข้มข้น 10 ppb ในตัวอย่างข้าวกล้องจำนวน จากการทดลองเติมสารมาตรฐานที่ความเข้มข้น 10 , 20 และ 50 ppb ลงในสารละลายที่สกัดจากตัวอย่าง สามารถวัดค่าอะฟลาทอกซินกลับคืนได้ 10±1.1, 20±1.2 และ 50±7.2 ppb ตามลำดับ(Table 1) โดยมีค่า limitation of Detection ของวิธีการ KU-AF01 เท่ากับ 4 ppb