การศึกษาศักยภาพของพื้นที่เลี้ยงหอยบริเวณปากแม่น้ำเวฬุ
ทำโดยการเก็บข้อมูลเพื่อศึกษาลักษณะการแพร่กระจาย รูปแบบการเลี้ยงหอย
เศรษฐกิจและสังคมของเกษตรกรผู้เลี้ยงหอย ต้นทุนผลตอบแทน และการเก็บตัวอย่างน้ำและดินตะกอน
เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหาร ปริมาณสารอินทรีย์รวม และปริมาณซัลไฟด์รวมใน
8 พื้นที่หลักทุกสองเดือนเป็นเวลาหนึ่งปี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ.
2544 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2545

ผลการศึกษาพบว่า
รูปแบบการเลี้ยงหอยแครงเป็นการเลี้ยงแบบกั้นคอก การเลี้ยงหอยนางรมและหอยแมลงภู่เป็นการเลี้ยงแบบแพ
เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยมากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างประกอบอาชีพเลี้ยงหอยนางรม
รองลงมาประกอบอาชีพเลี้ยงหอยแครง และเลี้ยงหอยแมลงภู่ ตามลำดับ ในด้านการวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทน
พบว่า ผลตอบแทนจากการเลี้ยงหอยชนิดเดียวกันมีความแตกต่างกันตามขนาดฟาร์ม
และแตกต่างกันตามพื้นที่

ในด้านคุณภาพน้ำและดินตะกอน
พบว่า พื้นที่เลี้ยงหอยอย่างหนาแน่น มีปริมาณธาตุอาหารในน้ำและปริมาณสารอินทรีย์รวมในชั้นผิวดินตะกอนมากกว่าในพื้นที่เลี้ยงหอยอย่างเบาบางตลอดทั้งปี
เนื่องจากพื้นที่เลี้ยงหอยไม่หนาแน่นมากเป็นการเลี้ยงหอยใกล้ร่องน้ำ
มีการหมุนเวียนน้ำดี ทำให้ปริมาณธาตุอาหารและสารอินทรีย์เกิดการหมุนเวียนตลอดเวลา
ส่งผลให้ความเข้มข้นของธาตุอาหาร และปริมาณสารอินทรีย์รวมไม่สูงมากนัก
ในขณะที่บริเวณพื้นที่ที่มีการเลี้ยงหอยหนาแน่นมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเริ่มไม่เหมาะสมต่อการเลี้ยงหอย
ลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลทำให้หอยเจริญเติบโตช้าลง และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยในพื้นที่เหล่านี้มีผลตอบแทนต่ำกว่าพื้นที่เลี้ยงหอยอื่นๆ
ดังนั้น เพื่อให้การเลี้ยงหอยในพื้นที่นี้เป็นไปอย่างยั่งยืน จึงควรให้มีการจัดการการเลี้ยงหอยในแม่น้ำเวฬุให้เหมาะสมกับพื้นที่
โดยการกระจายการเลี้ยงหอยในบริเวณที่หนาแน่นไปยังบริเวณอื่นที่สามารถรองรับการเลี้ยงเพิ่มขึ้นได้
|