สลัด เป็นอาหารที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย
เป็นอาหารประจำวันในบ้าน ภัตตาคาร โรงแรม และสายการบิน ในบรรดาผักที่นำมาใช้ประกอบเป็นสลัดนั้นมีผักกาดหอมเป็นผักสำคัญที่สุดและ
ขาดไม่ได้ จึงเป็นเหตุผลที่ผักกาดหอมถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผักสลัด
ชนิดของผักกาดหอมที่นิยมนำมาใช้ทำสลัดมักได้แก่พันธุ์ที่มาจากต่างประเทศที่มีรูปทรงของต้น
ลักษณะของใบและสีที่สวยงาม รสชาติหวานกรอบ เป็นที่ต้องการของตลาดในอดีตผักสลัดคุณภาพดีเหล่านี้ต้องมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ
แต่ในปัจจุบันมีการนำพันธุ์เข้ามาปลูกในประเทศและนิยมปลูกด้วยวิธีการปลูกโดยไม่ใช้ดิน
เพราะให้การเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ได้ผลผลิตสูงสะอาด และสามารถหลีกเลี่ยงการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชได้
แต่วิธีการปลูกโดยไม่ใช้ดินนี้รากพืชจะแช่อยู่ในน้ำสารละลายธาตุอาหารพืช
หรือน้ำปุ๋ยอยู่ตลอดเวลา รากพืชจึงดูดเอาธาตุอาหารขึ้นไปตลอดเวลา
เช่นกัน หนึ่งในจำนวนธาตุอาหารที่พืชดูดขึ้นไปคือ ไนโตรเจนในรูปของไนเตรท
(NO3-) ซึ่งเป็นธาตุที่มีอยู่มากที่สุดในสารละลายเพราะพืชต้องการมาก
แต่หากรากพืชดูดขึ้นไปแล้วใช้ไม่ทันหรือใช้ไม่หมด เช่นในสภาวะที่อุณหภูมิอากาศร้อนจัดจนทำให้พืชเติบโตได้ไม่ดี
ไนเตรทจะมีโอกาสสะสมอยู่ในลำต้นและใบพืชได้ ซึ่งไนเตรทที่สะสมนี้แม้จะไม่มีพิษต่อพืชแต่มีกับมนุษย์
ถ้าบริโภคเข้าไปมากเกินไป หรือได้รับอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงควรมีการศึกษาถึงปริมาณของการสะสมและวิธีการลดสารไนเตรทในพืชผักกาดหอมที่ปลูกโดยไม่ใช้ดิน
ในสภาพอากาศของปรเทศไทย ก่อนการจำหน่าย





การปลูกผักกาดหอมโดยไม่ใช้ดินในสารละลายธาตุอาหารในสภาวะอากาศร้อนจัด
หรือแล้งจัด มีโอกาสที่ทำให้ เกิดการสะสมสารไนเตรทในระดับที่สูงกว่าค่าสูงสุดที่ยอมรับได้
เพื่อการบริโภคให้ปลอดภัย
ในการลดสารไนเตรทในผักกาดหอมที่ปลูกเลี้ยงในสารละลายที่มีความเข้มข้นที่ไม่
สูงเกินไปที่ 1.2 mS / cm นั้น สามารถใช้วิธีงดการใช้สารลายและเลี้ยงด้วยน้ำเปล่า
4 วัน ก่อนเก็บเกี่ยว หรือ ใช้วิธีลดความเข้มข้นลง 50 % เป็นเวลา
6 วัน แล้วเลี้ยงในน้ำเปล่าต่ออีก 2 วันจะสามารถลดปริมาณไนเตรทลงมาในระดับที่ปลอดภัยต่อการบริโภคได้
และทั้งสองวิธีไม่ทำให้ผลผลิตน้ำหนักสดลดลง
|