ผักผลไม้สดที่วางขายตามท้องตลาดส่วนใหญ่ต้องดูสวย
ไม่มีร่องรอยของการถูทำลายโดยโรคและแมลงศัตรูพืช แต่ความสวยงามนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความปลอดภัยทางอาหารอย่างแท้จริง
ในทางกลับกันอาจมีสารปนเปื้อนจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือ การปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารของคน
ดังนั้นขั้นตอนและวิธีการจัดการให้ผลผลิตปลอดภัยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบความปลอดภัยของอาหาร
ตั้งแต่แปลงปลูกจนถึงโต๊ะอาหาร (From Farm to Table) เทคโนโลยีที่ช่วยลดการปนเปื้อนดังกล่าวได้ถูกคิดค้น
คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เช่น การใช้สารชีวภัณฑ์จากธรรมชาติทดแทนสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช
การลดการปนเปื้อนจุลินทรีย์ในผลผลิตระหว่างกระบวนผลิตไปจนถึงหลังการเก็บเกี่ยวด้วยสารสกัดจากสมุนไพร
เป็นต้น
GAP
(Good Agricultural Practice) หมายถึง ระบบการผลิตที่ถูกต้องในฟาร์ม
โดยพิจารณาตั้งแต่พื้นที่การปลูก การดูแลรักษา การเก็บเกี่ยว และการจัดการหลังเก็บเกี่ยว
เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ มีลักษณะตรงตามความต้องการ และมีความปลอดภัยต่อการบริโภค
ในประเทศไทยได้มีการเริ่มจัดทำระบบ GAP ของแต่ละพืช ตั้งแต่ปี พ.ศ.
2541 โดยเน้นด้านการปฏิบัติตามคู่มือการผลิต ดังตัวอย่างที่ปรากฏในลักษณะของเอกสารสิ่งพิมพ์ต่างๆ
ที่รู้จักกันในชื่อ GAP ของพืชหลายชนิด โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และมีการแก้ไขให้เป็นเอกสารการจัดทำระบบการผลิตตามข้อกำหนด GAP ของประเทศต่อไป
ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า
ข้อกำหนดของประเทศผู้ซื้อที่จัดได้ว่าเข้มแข็งที่สุดและนิยมใช้ในการอ้างอิงมากที่สุด
คือ ข้อกำหนดของสมาพันธ์การค้าปลีกในตลาดยุโรปที่เรียกว่า "EUREP-GAP
(Euro Retailer Produce Working Group - GAP)" การพิจารณาข้อกำหนดต่างๆ
พิจารณาจากพื้นฐานด้านสังคม และข้อมูลทางการศึกษาวิจัยของประเทศนั้นๆ
ทั้งด้านสุขอนามัยและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นบริษัทในประเทศไทยต้องการส่งออกสินค้าทางการเกษตรไปจำหน่ายในประเทศใดๆ
ในสหภาพยุโรป จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศผู้ซื้อเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานของยุโรป
(EUREP-GAP)
กฎเกณฑ์ข้อกำหนดของ EUREP
- GAP ประกอบด้วยการพิจารณาหัวข้อต่างๆ ดังนี้
- การทวนสอบ
- การรักษาระบบบันทึก
- พันธุ์พืช
- การจัดการพื้นที่และประวัติแปลง
- การจัดการดินและวัสดุปลูก
- การจัดการปุ๋ย-ธาตุอาหาร
- ระบบการให้น้ำ การดูแลรักษาพืช
- การเก็บเกี่ยวผลผลิต
- การดูแลหลังการเก็บเกี่ยว
- การจัดการสิ่งแวดล้อม
- การจัดการสุขลักษณะ
- การร้องเรียน
- การตรวจสอบภายใน
นอกจากนั้นข้อกำหนดดังกล่าวจะต้องมีการพิสูจน์ให้ผู้ซื้อทราบได้ด้วยว่ามีการปฏิบัติดังกล่าวจริงในระบบการผลิต
จึงทำให้เกิดระบบบริษัทที่ปรึกษา (consultant) ในลักษณะขององค์กรรับรอง
(Certified Body; CB) โดยอาศัยระบบมาตรฐานหลายองค์ประกอบเข้าร่วมกันเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
และสามารถตรวจสอบได้ การผลิตในระบบมาตรฐาน GAP จะประกอบด้วยกลุ่มผู้เกี่ยวข้อง
3 กลุ่ม คือ
- เกษตรกรหรือผู้รวบรวมผลผลิตจากกลุ่มเกษตรกร
เป็นการรวมกลุ่มเกษตรกร หรือ เกษตรกรแบบรายเดียว หรือ ผู้ผลิตเพื่อการส่งออก
ซึ่งอาจจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลระบบผลิตจากบริษัทส่งออกผลผลิตผักผลไม้สด
- ผู้ส่งออก ได้แก่ ผู้ที่มีการรับรองฐานะของบริษัท
และมีนโยบายของธุรกิจเพื่อการส่งออกในเรื่องของคุณภาพผักผลไม้สด
- หน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรสาธารณะอื่นๆ
ทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระให้การสนับสนุนในเรื่อง เทคโนโลยีเพื่อการผลิต
หรือบางองค์กรอาจทำหน้าที่ในการรับรอง
องค์ประกอบต่างๆ
ที่กล่าวมาในขั้นต้นจะมีความสัมพันธ์กันดังภาพที่ 1

ภาพที่ 1
การส่งออกของผลิตภัณฑ์ผักผลไม้สด ภายใต้ระบบการรับประกันคุณภาพโดยหน่วยงานของรัฐ
และการรับรองผ่านองค์กรรับรองระหว่างประเทศ
|