มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย
ซึ่งมันสำปะหลังที่ปลูกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ ชนิดหวานและชนิดขม
มันสำปะหลังชนิดหวานจะมีปริมาณการผลิตน้อย ใช้เพื่อการบริโภคโดยตรง
ในขณะที่มันสำปะหลังส่วนใหญ่ที่นิยมปลูกในประเทศไทย เป็นมันสำปะหลังชนิดขมเพราะเป็นชนิดที่ปลูกง่าย
สามารถปลูกได้เกือบทุกพื้นที่ มีปริมาณผลผลิตต่อไร่สูง โดยพันธุ์ที่เกษตรกรนิยมปลูกพันธุ์หนึ่ง
ได้แก่ พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 (KU 50)

มันสำปะหลังชนิดขมนิยมใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการผลิตมันเส้น
มันอัดเม็ดและแป้งมันสำปะหลัง เนื่องจากมันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและมีการปลูกกันมากภายในประเทศ
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาการแปรรูปที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับมันสำปะหลังในอุตสาหกรรมขนาดเล็กและกลาง
เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชน
ผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพชนิดหนึ่ง ได้แก่ ฟลาวมันสำปะหลัง
ฟลาวมันสำปะหลังเป็นสิ่งที่ได้จากการนำเนื้อมันสำปะหลังมาอบแห้ง
มีลักษณะเป็นผงสีขาวนวล มีปริมาณเส้นใยและโปรตีนสูงกว่าแป้งมันสำปะหลัง
การผลิตฟลาวมันสำปะหลังได้มีการผลิตกันในหลายประเทศ เช่น ประเทศในแถบแอฟริกา
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น โดยประเทศผู้ผลิตเหล่านี้จะบริโภคฟลาวมันสำปะหลังเป็นอาหารหลัก
โดยมีกรรมวิธีเริ่มจากปอกเปลือก ล้างน้ำ คั้นน้ำออก นำเนื้อมันสำปะหลังที่ได้มาตากแดดให้แห้งหลังจากนั้นนำมาบดละเอียดได้ฟลาวมันสำปะหลัง
ทั้งนี้ฟลาวที่ได้จะต้องมีความสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภค
สำหรับในประเทศไทยนั้น ปัจจุบันได้เริ่มมีการแปรรูปมันสำปะหลังเป็นฟลาวแล้วในอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
โดยใช้มันสำปะหลังชนิดหวานเป็นวัตถุดิบ ซึ่งการผลิตยังมีข้อจำกัด ทั้งนี้เนื่องจากมันสำปะหลังชนิดหวานมีกำลังการผลิตที่น้อย
ผลผลิตส่วนใหญ่ใช้ในครัวเรือนเพื่อการบริโภคโดยตรงทำให้วัตถุดิบมีราคาสูง
คณะผู้วิจัยจึงได้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตฟลาวจากมันสำปะหลังชนิดขม
โดยใช้พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 เป็นต้นแบบในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก
มีการใช้เทคโนโลยีที่ง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้เครื่องมือที่มีราคาไม่สูงที่ผลิตได้ในประเทศ
การผลิตฟลาวจากมันสำปะหลังชนิดขมสามารถทำได้ โดยต้องมีการปรับปรุงในขั้นตอนการผลิต
เพื่อลดปริมาณไซยาไนด์ลงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อการบริโภค และต้องพัฒนาการตรวจวัดหาปัจจัยการผลิตที่เหมาะสมทุกขั้นตอน
รวมทั้งมีการตรวจวัดปริมาณไซยาไนด์ที่หลงเหลือเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยต่อการบริโภค
จากการพัฒนาขั้นตอนการผลิตฟลาวมันสำปะหลังจากพันธุ์เกษตรศาสตร์
50 ทำให้มีกระบวนการผลิตที่สามารถผลิตฟลาวมันสำปะหลังที่มีคุณภาพดี
มีความสะอาดและปลอดภัยต่อการบริโภคตามที่กำหนดไว้ใน Codex Alimentarius
ของ FAO/WHO โดยร้อยละผลผลิตที่ได้ไม่ต่ำกว่า 70 ของน้ำหนักหัวแห้ง
ฟลาวที่ได้จะมีคุณภาพเทียบต่อน้ำหนักแห้ง ดังนี้ ความชื้นไม่เกินร้อยละ
14 ปริมาณเยื่อใยไม่เกินร้อยละ 5 ปริมาณเถ้าไม่เกินร้อยละ 3 ปริมาณโปรตีนไม่ต่ำกว่าร้อยละ
1.5 ความขาวมากกว่า 75 (Kett scale ) ปริมาณไซยาไนด์ไม่เกิน 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัมของน้ำหนักแห้ง

นอกจากนี้ได้มีการนำฟลาวมันสำปะหลังพันธุ์เกษตรศาสตร์
50 ไปใช้ในการทดแทนแป้งสาลี ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหาร ประเภทอบและทอด
และใช้เป็นส่วนผสมในการทำขนมไทย และอาหารว่างไทยหลายชนิด ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงเป็นการพัฒนาการใช้ประโยชน์มันสำปะหลังอย่างครบวงจร
|