ผลของปุ๋ยมูลไก่ ยิบซั่ม และปุ๋ยเคมีที่มีต่อผลผลิตหัวสดและปริมาณแป้งของมันสำปะหลัง
ที่ปลูกในดินชุด วาริน และมาบบอน
Effects of Chicken Manure, Gypsum and Chemical Fertilizer on Root Yield
and Starch Content of Cassava Planted on Warin and Mab Bon Soil Series
 
ประภาส ช่างเหล็ก1 วิจารณ์ วิชชุกิจ2 ปิยะ ดวงพัตรา3 เอ็จ สโรบล2 ปิยะ กิตติภาดากุล4
สุเมศ ทับเงิน5 นพศูล สมุทรทอง5 รุ่งโรจน์ จิตรีวรรณ1 และ สุรชัย เนื่องสิทธิ์ 6

1สถาบันค้นคว้าและพัฒนาระบบนิเวศเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
3องค์กรเครือข่ายมหาวิทยาลัยไทย ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาการใช้ที่ดิน และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
4ภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
5สถานีวิจัยเขาหินซ้อน สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
6ศูนย์วิจัยและพัฒนามันสำปะหลัง จ.นครราชสีมา มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร
โทร. 0-2579-7906

    ดินที่ปลูกมันสำปะหลังในประเทศไทยส่วนใหญ่ มีสมบัติโดยทั่วไปคือ เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ อุ้มน้ำและดูดยึดปุ๋ยได้น้อย และมีความอ่อนไหวต่อการเกิดการชะล้างพังทะลายของดินได้ง่าย จึงทำให้ดินเหล่านี้ไม่เหมาะกับการปลูกพืชไร่เศรษฐกิจอื่น ๆ สำหรับกลุ่มชุดดินที่ 35 ซึ่งได้แก่ ดินชุดวาริน และดินชุดมาบบอน กรมพัฒนาที่ดิน ได้รายงานไว้ว่า เป็นกลุ่มชุดดินที่มีลักษณะเป็นดินร่วนทราย มีการระบายน้ำดี มีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่ำ ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ประมาณ 4.5-5.5 และมีการอุ้มน้ำได้ไม่มากนัก กลุ่มชุดดินนี้มีการปลูกมันสำปะหลังมานาน มีปัญหาสำคัญทางด้านสมบัติทางกายภาพที่พบคือ ผิวหน้าดินอาจเกิดการแข็งตัวแน่นทึบเวลาเมื่อดินแห้งตัวลงในขณะที่ฝนทิ้งช่วง และเมื่อฝนตกหรือมีการให้น้ำ น้ำซึมลงใต้ผิวดินได้น้อย วิธีการแก้ไขดินที่มีปัญหาด้านสมบัติทางกายภาพคือแนะนำให้มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์หรือสารปรับปรุงดินในรูปสารอนินทรีย์ หรือสารอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ ทั้งที่เป็นสารอินทรีย์ธรรมชาติ สารอินทรีย์ที่ได้จากผลพลอยได้ทางการเกษตร หรือผลพลอยได้จากโรงงานอุตสาหกรรม ควบคู่กับการใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งยิปซั่ม (gypsum) จะมีประโยชน์ในการช่วยลดปัญหาการเกิดแผ่นแข็งบนผิวดิน และช่วยทำให้ดินมีการแทรกซึมน้ำดีขึ้น ดังนั้นจึงศึกษาผลของการใช้ยิบซั่ม ปุ๋ยอินทรีย์ (มูลไก่) และปุ๋ยเคมี เพื่อปรับปรุงดินให้มีสมบัติทางกายภาพและทางเคมีที่เหมาะสมในการให้ผลผลิตหัวสดและปริมาณแป้งในหัวสดของมันสำปะหลัง โดยวางแผนการทดลองแบบ Split-plot in RCB มี 4 ซ้ำ ปัจจัยหลัก (main plot) ได้แก่ พันธุ์มันสำปะหลัง ซึ่งในดินชุดวารินใช้มันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 60 และพันธุ์ระยอง 72 ปลูกในแปลงทดลองของศูนย์วิจัยและพัฒนามันสำปะหลัง ต.ห้วยบง อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในเดือน มิถุนายน 2545 และในดินชุดมาบบอน ใช้มันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 60 และพันธุ์ระยอง 5 ปลูกในแปลงทดลองของสถานีวิจัยเขาหินซ้อน ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ในเดือนกรกฎาคม 2545 ส่วนปัจจัยรอง (sub-plot) ได้แก่ ตำรับทดลอง 14 ตำรับ ได้แก่ การไม่ใส่ปุ๋ยมูลไก่ ยิบซั่ม และปุ๋ยเคมี และการใส่ปุ๋ยมูลไก่ (อัตรา 1 ตันต่อไร่) หรือปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว (สูตร 15-15-15 อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่) การใส่ปุ๋ยมูลไก่ร่วมกับปุ๋ยเคมี การใส่ยิบซั่ม 5 อัตรา (50 100 150 250 และ 500 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยเคมี และการใส่ปุ๋ยมูลไก่ ร่วมกับยิบซั่ม 5 อัตรา และปุ๋ยเคมี ขุดเก็บเกี่ยวเมื่อมันสำปะหลังอายุครบ 12 เดือน ผลการทดลองพบว่า ในดินชุดวาริน การใส่ปุ๋ยมูลไก่ ยิบซั่มที่อัตราต่าง ๆ และปุ๋ยเคมี ไม่มีผลทำให้ผลผลิตหัวสด ปริมาณแป้งในหัวสด และน้ำหนักต้นและใบสดของมันสำปะหลังแตกต่างกัน แต่มีแนวโน้มทำให้ผลผลิตหัวสดเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 2 ถึง 17 ของการไม่ใส่ปุ๋ยมูลไก่ ยิบซั่มและปุ๋ยเคมี) ซึ่งการใส่ยิบซั่มอัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีอัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่ มันสำปะหลังให้ผลผลิตหัวสดสูงสุด 6,471 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนดินชุดมาบบอน การใส่ปุ๋ยมูลไก่ ยิบซั่มที่อัตราต่าง ๆ และปุ๋ยเคมี มีผลทำให้ผลผลิตหัวสด และน้ำหนักต้นและใบสดเพิ่มขึ้น ร้อยละ 31-74 และ 7-46 ของการไม่ใส่ปุ๋ยมูลไก่ ยิบซั่ม และปุ๋ยเคมี ตามลำดับ ซึ่งการใส่ปุ๋ยมูลไก่ 1 ตันต่อไร่ ร่วมกับยิบซั่ม 500 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยเคมี 50 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิตหัวสดสูงสุด 8,836 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนปริมาณแป้งในหัวสดไม่แตกต่างกัน