เส้นใยธรรมชาติจากกาบไผ่
ไผ่เป็นไม้อเนกประสงค์ ปลูกง่าย โตเร็ว ไม่ต้องใช้สารกำจัดศัตรูพืช ทุกส่วนของไผ่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งในด้านอุปโภคและบริโภค รวมทั้งนำมาผลิตเป็นเส้นใยไผ่ซึ่งมีสมบัติที่ดีหลายประการ เช่น ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันรังสียูวี ดูดซับน้ำและความชื้น และระบายอากาศได้ดี มีผิวสัมผัสนุ่ม มีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ไม่อมน้ำมันและสิ่งสกปรกประเภทน้ำมันน้ำมัน (ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ, 2550) เส้นใยไผ่จึงได้รับความนิยมและถูกนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์สิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เคหะสิ่งทอ ผ้าและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และอนามัย อย่างไรก็ตามเส้นใยไผ่ที่มีขายในเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่เป็นเส้นใยไผ่ประเภทเส้นใยเซลลูโลสกึ่งสังเคราะห์ (regenerated cellulosic fiber) ไม่ใช่เส้นใยธรรมชาติ (natural fiber)
เส้นใยจากกาบไผ่แห้งที่แช่ในสารละลาย NaOH
ดังนั้น ดร.ศศิประภา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำภาควิชาคหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงทำการศึกษาการผลิตเส้นใยและด้ายธรรมชาติจากกาบไผ่ โดยเน้นการใช้วิธีการที่ไม่ซับซ้อน ใช้อุปกรณ์และสารเคมีที่หาได้ง่าย ราคาไม่สูงมาก เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับกาบไผ่ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร และยังเป็นการพัฒนาการผลิตเส้นใยธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
การทดลองผลิตเส้นใยจากกาบไผ่แห้งนี้ใช้ไผ่พันธุ์กิมซุ่ง ทำการทดสอบหาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิตเส้นใยที่มีลักษณะเหมาะสมนำไปผลิตเส้นด้าย หาวิธีการแยกเส้นใยจากกาบไผ่แห้งพันธุ์กิมซุ่งโดยเน้นใช้วิธีการที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และศึกษาวิเคราะห์ลักษณะภายนอก ลักษณะตามยาว ลักษณะภาคตัดขวาง โครงสร้างทางเคมี สมบัติทางความร้อน สมบัติการต้านแบคทีเรีย ขนาด ความแข็งแรง และ การยืดได้ก่อนขาด ของเส้นใยที่ได้จากกาบไผ่แห้งพันธุ์กิมซุ่งด้วยวิธีการต่างๆ
ผลการดำเนินงาน พบว่าการแยกเส้นใยจากกาบไผ่โดยการแช่หมักในน้ำสะอาด เป็นกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ต้องใช้เวลานานในการทำให้ส่วนที่ไม่ใช่เส้นใยเปื่อยและหลุดลอกออกจากเส้นใย เส้นใยธรรมชาติที่ได้จากการแช่กาบไผ่แห้งในน้ำสะอาด มีสีน้ำตาล ผลการวิเคราะห์ พบว่า เส้นใยมีโครงสร้างทางเคมีเป็นเซลลูโลส และมีลิกนินเป็นองค์ประกอบ เส้นใยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเส้นใย มีลักษณะตามยาวเป็นเส้นตรง และเส้นใยแต่ละเส้นมีลักษณะภาคตัดขวางเป็นรูกลวงตรงกลางเส้นใย
เมื่อนำเส้นใยไปแช่ในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือสารละลายกรดไฮโดรคลอริก ที่ความเข้มข้นร้อยละ 5 10 และ 15 ระยะเวลาแช่ 7 14 และ 21 วัน ผลการวิเคราะห์ พบว่า เส้นใยที่ได้จากการแช่ในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์มีสีขาว เส้นใยมีขนาดเล็กกว่าเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากกาบไผ่แห้งแช่หมักในน้ำสะอาด ลักษณะภาคตัดขวางของเส้นใยเป็นช่องว่างตามความยาวของเส้นใย เส้นใยที่ได้มีปริมาณลิกนินลดลง เส้นใยเดี่ยวแยกออกจากกลุ่มเส้นใยเพิ่มขึ้นเมื่อความเข้มข้นของสารละลายและระยะเวลาแช่เพิ่มขึ้น เส้นใยแต่ละเส้นมีลักษณะภาคตัดขวางเป็นรูกลวงตรงกลาง ความเข้มข้นของสารละลายและระยะเวลาแช่มีผลต่อปริมาณผลผลิต สภาวะที่เหมาะสมในการแช่เส้นใยจากกาบไผ่แห้งในสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ คือ ใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ร้อยละ 10 ระยะเวลาแช่ 7 วัน (ปริมาณผลผลิตร้อยละ 51.6) เส้นใยที่ได้มีอุณหภูมิสลายตัว 349.6 องศาเซลเซียส
ส่วนเส้นใยที่ได้จากการการแช่ในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกมีสีน้ำตาล เส้นใยค่อนข้างแข็ง กระด้าง เมื่อความเข้มข้นสารละลายกรดไฮโดรคลอริกและระยะเวลาแช่เพิ่มขึ้น เส้นใยจะเปราะเพิ่มขึ้น และมีความยาวลดลง สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตเส้นใยด้วยวิธีการแช่เส้นใยจากกาบไผ่แห้งในสารละลายกรดไฮโดรคลอริก คือ ใช้สารละลายกรดไฮโดรคลอริกความเข้มข้นร้อยละ 5 ระยะเวลาแช่ 7 วัน (ปริมาณผลผลิตร้อยละ 94.8) เส้นใยที่ได้มีอุณหภูมิสลายตัว 351.0 องศาเซลเซียส เส้นใยที่ได้สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เส้นด้าย และผ้าไม่ทอ เป็นต้น
ขอขอบคุณที่ท่านเข้ามาอ่านบทความวิจัยนี้ และขอความกรุณาสละเวลาตอบแบบสอบถามการให้บริการข้อมูล เพื่อการปรับปรุงต่อไปด้วย จะขอบคุณยิ่ง
คลิกที่นี่เพื่อตอบแบบสอบถาม—> https://goo.gl/forms/hcBXc1080pJmdUmF3