ข้าวโพด : การเก็บเกี่ยวข้าวโพด

การปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว

การสุกแก่ของข้าวโพดแบ่งได้ 2 ระดับ คือ การสุกแก่ทางสรีรวิทยา และการสุกแก่เก็บเกี่ยว การสุกแก่ทางสรีรวิทยาเป็นระยะที่ข้าวโพดสิ้นสุดการเจริญเติบโตและมีการสะสมน้ำหนักแห้งสูงสุด โดยทั่วไปประมาณ 45 วันหลังออกไหม หรือสังเกตได้จากส่วนโคนเมล็ดจะมีเนื้อเยื่อสีดำ เรียกว่า black layer เกิดขึ้น ทำให้การส่งผ่านธาตุอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของต้นข้าวโพดสู่เมล็ดสิ้นสุดลง เมล็ดจะมีความชื้นร้อยละ 35-40 หลังจากนั้นความชื้นภายในเมล็ดจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ ส่วนการเก็บเกี่ยวที่ระดับการสุกแก่เก็บเกี่ยว หมายถึง การเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่ความชื้นของเมล็ดต่ำกว่าร้อยละ 25 ถ้าสังเกตภายนอกจะเห็นว่ากาบหุ้มฝักเป็นเป็นสีน้ำตาลและแห้ง

ในทางปฏิบัติจะเก็บเกี่ยวข้าวโพดเมื่อแก่จัด หรือปล่อยให้เมล็ดแห้งในแปลงให้นานที่สุดแล้วจึงเริ่มเก็บเกี่ยว ซึ่งจะทุ่นเวลาในการตากหรือลดความชื้นเมล็ด โดยทั่วไปเมื่อเก็บเกี่ยว ความชื้นในเมล็ดยังสูงเกินไป ดังนั้นหลังการเก็บเกี่ยวจึงควรนำฝักมาตากแดด 2-3 แดด ก่อนนำไปกะเทาะเมล็ด ภายหลังการกะเทาะแล้วควรตากเมล็ดให้มีความชื้นไม่เกินร้อยละ 16 ทั้งนี้เพื่อสามารถเก็บเมล็ดไว้ได้นานปลอดภัยจากการเข้าทำลายของโรค

การเก็บเกี่ยวสามารถใช้แรงงานคน หรือใช้เครื่องเก็บเกี่ยวชนิดกะเทาะเมล็ดในตัว (combine harvester) ซึ่งจะสามารถทำงานได้รวดเร็วและลดปัญหาแรงงานที่ต้องใช้ในการเก็บเกี่ยว ในการใช้เครื่องเก็บเกี่ยวจะให้ผลดีเมื่อมีวิธีปลูกและการดูแลรักษาเป็นอย่างดี พันธุ์มีความสม่ำเสมอ และต้นตั้งตรงไม่หักล้ม สำหรับในประเทศไทยยังใช้แรงงานคนเป็นหลัก เนื่องจากเกษตรกรมมีพื้นที่ปลูกไม่มาก และช่วงเก็บเกี่ยวยังมีฝนตกอยู่ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้เครื่องเก็บเกี่ยว

การเก็บรักษา มีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บรอราคาที่ดีขึ้น โดยสามารถเก็บทั้งในรูปของฝัก และรูปของเมล็ด

1. เก็บรักษาในรูปของฝัก เก็บข้าวโพดทั้งฝักที่ปอกเปลือกแล้วไว้ในยุ้งฉางที่เป็นโรงเรือนโปร่ง ยกพื้นสูงเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ และมีหลังคาป้องกันฝน บางครั้งอาจเก็บโดยแขวนข้าวโพดทั้งฝักไว้ตามอาคารบ้านเรือน

2. เก็บรักษาในรูปของเมล็ด เก็บเมล็ดข้าวโพดที่กะเทาะแล้วไว้ในกระสอบป่านที่มีอากาศถ่ายเทได้ และเก็บกระสอบที่บรรจุเมล็ดข้าวโพดไว้ในโรงเรือนหรืออาคาร โดยวางซ้อนกันในลักษณะที่อากาศถ่ายเทได้ กระสอบที่อยู่ชั้นล่างไม่ควรวางสัมผัสพื้นโดยตรง ควรใช้ไม้วางบนพื้นก่อนจะวางกระสอบ อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาเมล็ดที่ดีที่สุดคือ การเก็บไว้ในไซโลที่มีเครื่องเป่าอากาศและสามารถรมสารป้องกันโรคแมลงได้