การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัด

บทวิทยุ รายการ  “จากแฟ้มงานวิจัย มก.”

ออกอากาศวันเสาร์ ที่16 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เรื่อง  การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัด

บทวิทยุโดย  วิทวัส ยุทธโกศา

 

………………………………………………………………………………………………………………………………………….

-เพลงประจำรายการ-

          สวัสดีครับ คุณผู้ฟังทุกท่านครับ พบกันอีกครั้งกับรายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.”  ซึ่งออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์ ทางสถานีวิทยุ มก. แห่งนี้ครับ รายการนี้ผลิตโดย        ฝ่ายเผยแพร่งานวิจัย สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายการของเราเป็นรายการที่จะนำเสนอเรื่องราวผลงานวิจัยดีๆของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อให้คุณผู้ฟังได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือเพื่อสร้างรายได้ให้กับตนเอง โดยมีกระผม…………………..เป็นผู้ดำเนินรายการครับ

          คุณผู้ฟังครับ จากปัญหาที่เกษตรกรประสบในการเพาะปลูกในประเทศไทย ทั้งปัญหาความแห้งแล้ง โรคพืชแมลงศัตรูพืชระบาด น้ำท่วม คุณภาพของผลิตผล และที่สำคัญที่สุดปัญหาการใช้สารพิษเพื่อกำจัดแมลง ส่งผลทำให้ดินและระบบนิเวศน์ได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมทั้งอันตรายที่เกิดจากสารพิษต่อทั้งเกษตรกรผู้ปลูกเอง และประชาชนผู้บริโภค ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้รับการดูแลแก้ไขน้อยมาก เนื่องจากการที่เกษตรกรขาดความรู้ งบประมาณ และแรงจูงใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย ปัจจุบันรูปแบบการทำการเกษตรได้มีการพัฒนาไปมากแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากประเทศที่เดิมเคยเป็นผู้นำเข้าพืชผลทางการเกษตรเพื่อหล่อเลี้ยงประชากรในประเทศ เช่น อิสราเอล แต่ในปัจจุบันกลับกลายเป็นผู้ส่งออกพืชผลทางการเกษตรรายใหญ่ของโลก ทั้งนี้มีสาเหตุมาจากการพัฒนาและปลูกฝังให้เยาวชนของชาติ มีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพเกษตรกรรม โดยใช้เทคโนโลยีการเกษตรและการจัดการฟาร์มในรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐฯ ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าประเทศไทยมีศักยภาพอย่างมากในการที่จะทำ อุตสาหกรรมการเกษตร เพื่อที่จะเป็นครัวของโลกซึ่งก็เป็นนโยบายของภาครัฐฯอยู่แล้ว และด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพของภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ความวิริยะอุตสาหะ ความอดทน และที่สำคัญ ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม ความได้เปรียบด้านต่างๆเหล่านี้ถ้าได้รับการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องและมีเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ กระผมเชื่อว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นแหล่งผลิตอาหารที่ได้คุณภาพที่สำคัญของโลกในไม่ช้าแล้วล่ะครับ   แต่ว่าเราจะนำเทคโนโลยีอะไรเข้ามาใช้เพื่อพัฒนา และช่วยเหลือให้แก่ชาวเกษตรกรได้มีทางเลือกมากขึ้น และยังต้องเป็นวิธีการที่จะได้ประโยชน์ คุ้มค่า ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพื่อจะได้เป็นการตอบโจทย์และช่วยแก้ปัญหาให้แก่พี่น้องชาวเกษตรกรให้ตรงจุดมากที่สุด และเพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตพืชแผนใหม่อีกด้วย  … และวันนี้รายการจากแฟ้มงานวิจัยของเรามีคำตอบครับ รับรองว่าวิธีการนี้น่าจะเป็นที่ถูกใจของเกษตรกรและผู้บริโภค เพราะว่า เป็นวิธีง่ายๆ ได้ผลแน่นอน แต่วิธีการที่ว่านี้จะเป็นอย่างไร ต้องกลับมาติดตามกันต่อ ในช่วงหน้าครับ อีกสักครู่ครับ …

-เพลงคั่นรายการ-

 

          คุณผู้ฟังครับ   และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ก้าวหน้าและได้มีการพัฒนาเพื่อให้การเกษตร การปลูกพืช ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ วิธีการก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อน คุณผู้ฟังพอจะเดาออกไหมครับ ว่าวิธีการที่ว่านี้คือวิธีการใด… วิธีการที่กระผมกำลังจะพูดถึงนั้น นั่นก็คือ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัด หรือที่เรียกกันว่า “ไฮโดรโพนิคส์” หรือ “ซอยเลสคัลเจอร์” ยังไงล่ะครับ ซึ่งการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน ก็จะมีชื่อเรียกในภาษาไทยหลายชื่อด้วยกัน อย่างเช่น การปลูกพืชไร้ดิน การปลูกพืชในน้ำที่มีธาตุอาหารพืช การปลูกพืชในสารอาหารพืช การปลูกพืชในวัสดุปลูกที่ไม่ใช้ดินที่มีธาตุอาหารพืช การปลูกพืชโดยให้รากพืชสัมผัสสารอาหารโดยตรงที่ไม่มีดินเป็นเครื่องปลูก  คุณผู้ฟังครับ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เป็นวิธีการปลูกพืชเลียนแบบการปลูกพืชบนดินโดยไม่ใช้ดินเป็นวัสดุในการปลูก แต่เป็นการปลูกพืชลงบนวัสดุปลูกชนิดต่างๆ ซึ่งวัสดุปลูกแทนดินนี้มีหลายชนิดคือ วัสดุปลูกที่เป็นอนินทรีย์สารและวัสดุปลูกสังเคราะห์ครับ โดยพืชสามารถจะเจริญเติบโตบนวัสดุปลูกจากการได้รับสารละลายธาตุอาหารพืช (หรือสารอาหาร) ที่มีน้ำผสมกับปุ๋ยที่มีธาตุต่างๆ ที่พืชต้องการทางราก  ดังนั้นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน จึงเป็นการปลูกพืชในลักษณะที่เราไม่เปิดโอกาสให้พืชได้อาหารจากแหล่งอื่นเลย  นอกจากได้จากสารละลายธาตุอาหารที่เราให้แก่พืชเท่านั้น  ทำให้เราง่ายต่อการดูแล เพราะว่าเกษตรกรสามารถควบคุมปริมาณธาตุอาหารให้กับพืชได้อย่างสม่ำเสมอนั่นเองครับ

          ซึ่งการปลูกพืชแบบไร้ดินนี้ เกษตรกรสามารถปลูกผักได้ทุกชนิดครับ และยังปลูกได้ทุกสภาพอากาศทุกพื้นที่การเกษตร ส่วนในเรื่องของขั้นตอนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากด้วยนะครับ  การดูแลรักษาก็ง่าย ได้ผลผลิตที่แน่นอน และสูงกว่าการปลูกแบบไร้ดินของต่างประเทศ ผลผลิตที่ได้จะปราศจากสารพิษ 100% ซึ่งในปัจจุบันผู้บริโภคได้ตื่นตัวอย่างมากต่อการบริโภคพืชผักที่ปราศจากสารพิษ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า การปลูกพืชแบบดั้งเดิมไม่อาจหลีกเลี่ยงสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพราะการระบาดของศัตรูพืช และการดื้อยาของศัตรูพืช ถึงเวลาแล้วที่ควรจะส่งเสริมให้มีการปลูกพืชผักในรูปแบบใหม่ที่ไม่ยุ่งยาก และได้ผลผลิตที่ปลอดสารพิษ เพื่อให้ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตพืชแผนใหม่ ด้วยเหตุผลกล่าวและรวมกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมและความนิยมที่ต่างไป ดร.ธรรมศักดิ์ ทองเกตุ และนายจตุรงค์ จันทร์สี่ทิศ จากภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสนและศูนย์วิจัยพืชผักเขตร้อน ได้ทำการค้นคว้าวิจัย เรื่อง “การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัด” ซึ่งได้มีการพัฒนาเทคนิคใหม่ในการปลูกพืชไร้ดิน จนประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการเกษตรแผนใหม่ และมีความพร้อมอย่างมากที่จะเผยแพร่เทคโนโลยีการเกษตรแผนใหม่เพื่อให้ภาคการเกษตรไทยมีความก้าวหน้า และรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ทัน และยกระดับความรู้ให้แก่เกษตรกรเพื่อความก้าวหน้าของวงการเกษตรประเทศไทยต่อ ไป  คุณผู้ฟังครับ เดี๋ยวในช่วงหน้าเรากลับมาฟังในส่วนของประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินดูบ้าง และเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย เพื่อว่าเกษตรกรจะได้นำข้อมูลในส่วนนี้มาช่วยตัดสินใจได้อีกทางหนึ่งครับ  แต่สำหรับตอนนี้เดี๋ยวเราพักกันสักครู่ก่อนครับ…… 

-เพลงคั่นรายการ-

          คุณผู้ฟังครับ..แต่เดิมนั้นวิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินในลักษณะปลูกลงน้ำ ก็เพื่อทดลองการปลูกพืชลงในน้ำก่อนและมีการเติมแร่ธาตุต่างๆลงไป โดยมีวัตถุประสงค์ก็เพื่อทำการศึกษาว่าแร่ใดบ้างที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชบ้าง  ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เทคนิคการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินนี้ปลูกพืชเพื่อเป็นการค้าอย่างเช่นในปัจจุบัน และเมื่อการปลูกพืชในโรงเรือนในต่างประเทศ เริ่มมีการมองหาทางเลือกอื่นๆ ในการปลูกพืชในโรงเรือนทดแทนการใช้ดินเป็นวัสดุปลูกที่มีน้ำหนักมาก และต้องยุ่งยากในการเปลี่ยนถ่ายดินบ่อยๆ เพราะมีปัญหาการอัดแน่นและการระบาดของโรคและแมลง  จึงเริ่มหันมาสนใจวิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินขึ้น  นอกจากการปลูกลงในน้ำสารละลายอาหารโดยตรงแล้ว ก็มีการทดลองใช้วัสดุหลายชนิดมาเป็นวัสดุปลูก อย่างเช่น ทราย กรวด ใยหิน และเวอร์มิคูไลท์  และการให้สายละลายอาหารไปพร้อมกับการให้น้ำในระบบน้ำหยด วิธีการให้สารละลายแก่รากพืชก็มีการพัฒนารูปแบบต่างๆกันออกไปครับ ซึ่งจากเดิมที่ปล่อยให้รากแช่อยู่ในน้ำสารละลายและเป่าอากาศลงในแม่น้ำ ก็มีการดัดแปลงให้รากพืชนั่งอยู่ในรางที่มีสารละลายอาหารไหลเป็นแผ่นบางๆ หมุนเวียนตลอดเวลาโดยไม่ต้องมีการเป่าอากาศลงในน้ำที่เรียกว่าระบบ NFT  ซึ่งเป็นระบบที่กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเราในขณะนี้อีกด้วยล่ะครับ……

          คุณผู้ฟังครับ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินได้รับการพัฒนาในต่างประเทศ  วัตถุประสงค์ก็เพื่อแก้ปัญหาการปลูกพืชในโรงเรือนโดยการใช้ดินที่มีความยุ่งยากและสิ้นเปลืองแรงงานในการปฏิบัติและเสี่ยงต่อการระบาดของโรคและแมลง ดังนั้นการปลูกโดยไม่ใช้ดินนี้จึงอาจไม่ได้มีประโยชน์หรือเกิดผลดีต่อการปลูกพืชในสถานการณ์อื่นๆเสมอไป จึงต้องควรมีการพิจารณาแล้วแต่ความจำเป็นและเหมาะสมกับสภาพปัญหาในแต่ละแห่งด้วยนะครับ   แต่อย่างไรก็ตามการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัดก็ล้วนแต่มีข้อดีและข้อเสียเหมือนกันนะครับ    เรามาลองเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียกันดูดีกว่านะครับ เริ่มจาก ข้อดี ในการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัดกันก่อนดีกว่าครับ

1.ให้ผลผลิตต่อพื้นที่ปลูกสูงกว่าและสามารถทำการผลิตได้สม่ำเสมอและต่อเนื่อง

2.อัตราการใช้แรงงานในการเตรียมดินการกำจัดวัชพืช ประหยัดเวลาในการปลูกจึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่า

3.ใช้น้ำและธาตุอาหารได้อย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้น้ำลดลงถึง 10 เท่าตัวของการปลูกแบบธรรมดา
4.ลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการใช้สารป้องกันและกำจัดแมลงได้100%
5.สามารถปลูกได้ในเมืองเพราะใช้พื้นที่น้อยทำให้ประหยัดค่าขนส่ง
6.ผลผลิตมีคุณภาพและไม่มีสารพิษตกค้างและไม่มีปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชที่เกิดจากดิน และยังเป็นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ เช่นสารเคมีตกค้างในดิน ไปจนถึงการบุกรุกทำลายป่าเป็นต้น
7.ผลผลิตที่ได้นั้นมีคุณภาพ และขายได้ราคาดีกว่าการปลูกบนดินมากเพราะสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างถูกต้องแน่นอนและรวดเร็ว
8.คนพิการก็สามารถทำการปลูกได้เป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ด้อยโอกาส เพราะว่าเป็นวิธีการที่ง่ายไม่ต้องใช้แรงมากเหมือนวิธีการปลูกแบบใช้ดินที่จะต้องเตรียมดิน ขุดดินหรือแม้กระทั่งการจัดการวัชพืช
9.สามารถทำการเพาะปลูกพืชได้ในบริเวณพื้นที่ ที่ดินไม่ดีหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก อย่างเช่น ในสภาวะตอนนี้ที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในหลายๆพื้นที่ ทำให้พื้นที่เพาะปลูกต่างๆ เกิดความเสียหาย ไม่สามารถทำการเกษตรได้  และหลังจากน้ำลดก็ยังต้องมีการฟื้นฟู ปรับสภาพให้พื้นที่กลับมาพร้อมสำหรับการเพาะปลูกอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็อาจจะใช้วิธีการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินนี้ทำการเพาะปลูก เพื่อจะได้มีอาชีพสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง ไม่แน่นะครับวิธีการนี้อาจจะเหมาะสมกับบางพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง เกษตรกรอาจจะเปลี่ยนจากการปลูกพืชแบบเดิมๆมาเป็นการปลูกพืชแบบนี้เนื่องจากเล็งเห็นถึงความคุ้มทุนในระยะยาว และสามารถลดความเสียหายที่จะเกิดจากภัยธรรมชาติ หลีกหนี้จากน้ำท่วมได้ยังไงล่ะครับ  และยังเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรรุ่นใหม่ ที่อยากจะหาวิธีการใหม่ๆเพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดในอนาคตต่อไป

          คุณผู้ฟังครับ และเราก็ทราบถึงข้อดีของการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินกันไปบ้างแล้ว แต่เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียเหมือนกันนะครับ แต่ข้อเสียที่ว่านี้จะมีอะไรบ้าง เดี๋ยวเราพักกันสักครู่ก่อน…แล้วช่วงหน้ากลับมาฟังกันต่อ กับรายการจากแฟ้มงานวิจัย มก. ครับ

-เพลงคั่นรายการ-

          คุณผู้ฟังครับ  จริงอยู่ว่าการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินแบบประหยัดนั้นจะมีข้อดีในหลายๆด้าน และยังนับได้ว่าเป็นการพัฒนาการปลูกพืชแบบสมัยใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของเกษตรกรคือมีวิธีการที่ง่าย สะดวกตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมไปจนถึงการปลูก และที่สำคัญคือทำให้ผู้บริโภคได้รับประทานผักที่สด สะอาด ปลอดภัย จากสารเคมี ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าปัจจุบันเรื่องของการดูแลสุขภาพ อาหารที่ดี ปลอดจากสารพิษ มักจะเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญในการเลือกซื้อเป็นอันดับต้นๆเลยใช่ไหมครับ…แต่เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียเช่นกันครับ  ข้อเสียประการแรกของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแบบประหยัดมีการลงทุนสูง เพราะต้องการวัสดุอุปกรณ์เฉพาะหลายอย่าง แต่ลงทุนสูงก็แค่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้นนะครับ  2.เป็นระบบที่ต้องพึ่งพาพลังงาน เช่น พลังงานไฟฟ้าตลอดเวลา ทำให้มีต้นทุนการผลิตสูงและหากไฟฟ้าขัดข้องเป้นเวลานานเกินไปและไม่มีระบบไฟฟ้าสำรอง จะทำให้พืชขาดน้ำและตายได้     3.เป็นระบบที่ต้องการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดและต้องการบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์ในการดูแลรักษาระบบจึงจะประสบความสำเร็จได้ครับ   และสุดท้ายคือวิธีการนี้ เป็นสิ่งใหม่สำหรับเกษตรกรที่ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจเพื่อที่จะได้ ต่อยอดและพัฒนาต่อไปในอนาคตครับ

          คุณผู้ฟังครับ คุณผู้ฟังได้ฟังข้อเสียของการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกันไปแล้ว ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ใจไปนะครับ การพัฒนาเพื่อสิ่งที่ดีกว่าก็ย่อมที่จะมีการเริ่มต้น กระผมว่าถ้าเราได้มีการศึกษาในส่วนของขั้นตอนต่างๆ มีการเปรียบเทียบ และดูในเรื่องของความคุ้มทุนในอนาคตแล้วนั้น ก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าจะมีการพัฒนาต่อไปอีก เพื่อที่จะหาวิธีในการลดข้อเสียในส่วนต่างๆให้หมดไป   คุณผู้ฟังครับ ดร.ธรรมศักดิ์ ทองเกตุ ผู้วิจัย ได้กล่าวในเรื่องของ สถานการณ์การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินในปัจจุบัน เอาไว้ว่า…การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินของบ้านเรามีการปฏิบัติมาเป็นเวลานานแล้ว ส่วนใหญ่เพื่อใช้ในงานวิจัยต่างๆ เกี่ยวกับธาตุอาหารพืช และเพื่อเป็นงานอดิเรก ซึ่งไม่ใช่เพื่อการค้า ส่วนสาเหตุก็อาจจะเกิดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ มีผลให้ธุรกิจทางภาคอื่นๆต้องหยุดชะงัก นักธุรกิจจึงหันมาสนใจภาคการเกษตรกันมากขึ้น โดยเฉพาะการทำการเกษตรด้วยเทคนิควิธีใหม่ๆ ที่สามารถดึงความสนใจจากผู้บริโภคได้ นอกจากนี้กระแสการตื่นตัวเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารการกิน ทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการอาหารและพืชผักที่ปลอดสารพิษตกค้างมากยิ่งขึ้น จึงทำให้นักลงทุนอาจเห็นว่าการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินเป็นการค้าน่าจะเป็นธุรกิจที่กำลังมีอนาคตที่ดีต่อไป ในขณะนี้จึงมีฟาร์มปลูกพืชโดยวิธีไม่ใช้ดินเกิดขึ้นหลายแห่งทั่วประเทศ  อย่างเช่น การผลิตผักกาดหอม ผักกินใบต่างๆ นำมาจำหน่ายเป็นผักปลอดสารพิษ  คุณผู้ฟังครับ…มีผู้หันมาสนใจปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน ในปัจจุบันก็อาจจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มครับ คือ กลุ่มแรกจะเป็น กลุ่มที่ปลูกเป็นการค้า โดยปลูกในพื้นที่กว้าง ใช้อุปกรณ์การปลูกที่สมัย และมีการลงทุนสูงมาก เพื่อส่งผลผลิตออกนำไปขายยังต่างประเทศ โรงแรม หรือตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีราคาแพงเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง  ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งนั้นก็ได้แก่ กลุ่มผู้ที่สนใจ ปลูกในพื้นที่ว่างเปล่าภายในบริเวณบ้าน หรือทำเป็นสวนเล็กๆ เพื่อเป็นงานอดิเรกและเพื่อมีผักที่สะอาดเก็บไว้บริโภคเองครับ …. แต่ถ้าคุณผู้ฟัง..มีความสนใจที่จะปลูกผักโดยไม่ใช้ดินแบบเป็นการค้า  แต่ว่ามีงบประมาณอยู่ไม่มากนัก ทั้งพื้นที่ในการปลูกก็น้อยแล้วจะทำอย่างไรดี ก็ไม่ต้องกลุ้มใจไปนะครับ…รายการ “จากแฟ้มงานวิจัย มก.” ของเรามีทางออกให้กับคุณผู้ฟังครับ แต่วิธีการจะเป็นอย่างไร ติดตามในรายการของเรา ช่วงหน้าครับ…..

-เพลงคั่นรายการ-

 

          คุณผู้ฟังครับ  อย่างที่กระผมได้สัญญาไว้ในช่วงที่แล้วว่า กระผมจะนำวิธีการในการปลูกพืชไม่ใช้ดินแบบประหยัดเพื่อเป็นการค้าและในราคาต้นทุนที่ประหยัดนั้น  มีวิธีการดังต่อไปนี้ครับ … วิธีการปลูกพืชผักโดยไม่ใช้ดินซึ่ง เป็นวิธีการปลูกพืชผักในสารละลายธาตุอาหาร โดยเราสามารถจัดหาภาชนะที่สามารถกักเก็บน้ำได้สูง 8-10 นิ้ว และมีขนาดเท่าใดก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกในการทำงาน แต่ต้องมีการเติมอากาศหรือเป่าอากาศลงในน้ำสารละลายนั้นเพื่อการให้ออกซิเจนแก่รากพืช  ในการจะปลูกพืชผักกินใบ อย่างเช่นพวก ผักกาดหอม กวางตุ้ง คะน้า คื่นช่าย ผักชี  โดยวิธีการปลูกแบบนี้ ศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักเขตร้อนได้มีการออกแบบชุดปลูกพืชไม่ใช้ดินด้วยเทคนิคที่กล่าวมานี้ มีขนาดพอเหมาะและสะดวกต่อการทำงาน 1 ชุด สามารถผลิตผักกินใบได้หลายชนิดเลยนะครับ  ไม่ว่าจะเป็นการปลูกไว้กินเองในครัวเรือนหรือถ้าจะทำเป็นการค้า ก็แค่เพิ่มจำนวนโต๊ะให้มากขึ้นเท่าที่ต้องการและจัดระบบการปลูกหมุนเวียนให้ได้ผลผลิตออกมาอย่างต่อเนื่องเพียงเท่านี้เองครับ คุณผู้ฟังก็สามารถปลูกเพื่อเป็นการค้า ในแบบลงทุนน้อย และประหยัดพื้นที่ ด้วยวิธีการที่ง่ายๆนี้ได้แล้วล่ะครับ  วิธีการเตรียมจะประกอบด้วย

1.โต๊ะปลูกทำด้วยโครงเหล็ก ขนาด 1.2 x 2.5 เมตร

2.ปั๊มอากาศตู้ปลา

3.แผ่นผ้าพลาสติก 2 หน้า (ขาว – ดำ) อย่างหนา ขนาด 1.6 x 3 เมตร

4.แผ่นโฟมชนิดหนา 1 นิ้ว ขนาดกว้าง x ยาว = 0.6 x 1.2 เมตร

5.ท่อ PVC ขนาด 1 นิ้ว ยาว 2 เมตร

และสิ่งสุดท้ายคือ วัสดุสิ้นเปลืองต่างๆ ได้แก่ เมล็ดพันธุ์พืชผักที่ต้องการปลูกและสารละลายอาหาร

          คุณผู้ฟังครับ  การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินกับการผลิตเชิงธุรกิจ วิธีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินสามารถใช้ปลูกพืชได้หลายชนิดครับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของการปลูกพืชแต่ละชนิดด้วย ตั้งแต่ผัก ผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ พืชไม้เลื้อย ไปจนถึงพืชยืนต้น  แต่การผลิตเชิงธุรกิจส่วนมากจะนิยมปลูกพวกพืชผัก ไม้ผลที่เก็บเกี่ยวช่วงอายุสั้นๆ และใช้เวลาไม่นาน

          หากคุณผู้ฟังมีข้อแนะนำติชมรายการหรือจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเขียนจดหมายมายัง  “รายการจากแฟ้มงานวิจัย มก.” ตู้  ปณ. 1077 ปทฝ. เกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ 10903 หรือ โทรสอบถามได้ที่  0-2561-1474 สำหรับวันนี้รายการจากแฟ้มงานวิจัย มก. ได้หมดเวลาลงแล้วครับ  แล้วพบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า  สำหรับวันนี้ ลาไปก่อน สวัสดีครับ…….

…………………………………………………………………………………………………………………..